คำฅน

ถ้าเอ่ยถึงนางฟ้า ทุกคนคงจะนึกถึง หญิงสาวที่หน้าตาสวยงาม    จิตใจงดงาม  มีเมตตา  แต่เธอคนนี้กลับมีรูปกายภายนอกที่ดูตรงข้ามกับสิ่งที่เธอทำอย่างสิ้นเชิง   กอล์ฟฟี่ เป็นช่างตัดผมที่มีชื่อคนหนึ่งในหัวหิน    ชีวิตด้านหนึ่งก็เป็นเหมือนคนทั่วไป ที่มีคนรู้จักในสังคม   แต่เมื่อหลังจากที่เลิกงาน กอล์ฟฟี่ ก็จะเป็นอีกคนทันที   กอล์ฟฟี่ อยากใช้วิชาความรู้ที่มีอยู่ช่วยคนบ้าง   เพราะถ้าต้องรอเวลาให้มีเงินแล้วค่อยช่วยเหลือคน เขาคงไม่มีวันนั้น    กอล์ฟเริ่มออกไปตัดผมให้กับคนแก่ คนเจ็บ คนพิการ ตามชุมชนต่าง ๆ เริ่มจากชุมชนใกล้ตัวไปจนถึงต่างจังหวัด 






 เวลาว่างของเขาหมดไปกับการตระเวนไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อตัดผมให้  และนำของจำเป็นหลาย ๆ อย่างไปให้กับคนป่วยอย่างสม่ำเสมอ  ด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดี  ช่างพูด ช่างคุย   ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของชาวบ้าน  จนทุกคนมองว่าเขาคือ นางฟ้า   นางฟ้าที่ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่สวยสดงดงาม   แต่มีความจริงใจความตั้งใจที่จะให้แม้เพียงแค่เล็ก ๆ น้อย 



เรื่องราวของนางฟ้า  ซาลอน  จะเป็นอย่างไร คุณจะได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเรื่องนี้ ติดตามชมได้ในคลิปย้อนหลังที่นี่
คนค้นฅน : กอล์ฟฟี่ นางฟ้…

“สิ่งที่หนูทำไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นจุดเล็กๆ แค่นั้น  แต่เป็นความภาคภูมิใจภาคภูมิใจมากกว่า กับสิ่งที่เป็นผู้ให้  ให้เด็กๆ มีจิตอาสา ทำงานเพื่อสังคม เพื่อคนอื่นๆ เช่นให้เขาช่วยกันเก็บขยะแทนค่าเล่าเรียน  เหมือนการจ่ายค่าเรียนด้วยการมีจิตใจสาธารณะแทน”


น้องหญิง จิตต์ตรา ราชวงศ์ อายุ 22 ปี เด็กสาวสายเลือดผู้ไทเซโปน  อำเภอชานุมาน  จังหวัดอำนาจเจริญ  เธอเรียนจบปริญญาตรี  จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ตั้งแต่อายุยังน้อย  เพราะเธอเรียนระดับป.ตรีควบคู่กับเรียนมัธยม   ระหว่างที่ยังไม่ได้ตั๋วทนาย  ระหว่างนี้ก็เป็นผู้ช่วยพ่อเรื่องการดูแลเอกสารและทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้พ่อด้วย  เพราะสุขภาพของพ่อเองก็ไม่แข็งแรงมีทั้งโรคหัวใจและโรคเก๊าท์รุมเร้า 




น้องหญิงเริ่มมีสัญญาณป่วยตั้งแต่ก่อนเรียนจบ  แต่ด้วยเพราะต้องสอบเทอมสุดท้ายจึงต้องอ่านหนังสือสอบหนักมาก มาดูแลอาการป่วยจริงจังเอาตอนที่เรียนจบ  จนสุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาได้ ต้องฟอกไตตลอดชีวิตหรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนไต  ซึ่งมาถึงวันนี้เธอก็กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตวายเฉียบพลันมาได้ประมาณ 2 ปี  ทุกวันเธอต้องล้างไตวันละ 4 ครั้ง โดยผ่านทางหน้าท้อง ท…

ในยุคสมัยที่สังคมไทยเดินเข้าสู่ความเชื่อเรื่องการปฏิวัติเขียวมาอย่างยาวนานกับการแปลงรูปแบบระบบการเกษตรไปสู่การใช้เทคโนโลยี  และสารเคมีในการผลิตเพื่อเพิ่มจำนวนผลผลิตหล่อเลี้ยงประชากรโลก  ซึ่งประเทศไทยถือเป็นอันดับต้นๆของโลก ในการส่งออกอาหาร  แต่ขณะเดียวกันก็มีการนำเข้าสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในปริมาณมากถึง 100 ล้านกิโลกรัมต่อปี  หรือมากกว่าตึกใบหยก 2 และยังมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและแมลงต่อไร่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว  สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ และยังส่งผลต่อสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค





โอฬาร คุ้มศึกเกษตรกรหนุ่มจากอำเภอเส้าไห้ จังหวัดสระบุรี  ได้ค้นพบทางเลือกและทางรอดในการทำเกษตรกรรมที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าการใช้สารเคมีนั่นก็คือการใช้ “เชื้อรา” สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆในกลุ่มจุลินทรีย์มากำจัดศัตรูพืช  จากผู้ใช้โอฬารเรียนรู้จนรู้จักและเข้าใจเชื้อราอย่างถ่องแท้     กระทั่งสามารถผลิตออกแจกจ่าย จำหน่ายช่วยเหลือให้เกษตรกรหลุดพ้นวงจรแห่งพิษภัยจากสารเคมีภายใต้ห้องทดลองที่สร้างไว้ภายนอกอาจจะดูโกโรโกโสไม่ต่างจากเล้าไก่  มีการประยุกต์ใช้อุปกรณ์เครื่…

ผืนป่าต้นน้ำผาดำ  หรือป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาวังพา ป่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดผืนสุดท้ายของจังหวัดสงขลา  เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญที่ไหลหล่อเลี้ยงผู้คนสองฝั่งลำคลองอู่ตะเภา ไปจนถึงทะเลสาบสงขลา  ในอดีตผืนป่าแห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นของกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย  เหล่าสหายได้อาศัยร่มเงารกชัฏ เรือนยอดที่หนาทึบ และความอุดมสมบูรณ์ของป่าเป็นปราการป้องกันการโจมตีจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ป่าผาดำกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามมาเป็นเวลากว่าสิบปี  หลังจากเหล่าสหายออกจากป่า  มีการเปิดสัมปทานทำไม้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการทำลายป่าต้นน้ำผาดำ 
ผู้บุกรุกป่าได้เข้าจับจองพื้นที่แผ้วถางทำสวนยางพารา จำนวนผู้บุกรุกเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามราคายางพาราที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ป่าต้นน้ำผาดำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาวังพา  ที่มีเนื้อที่กว่า 1.1 แสนไร่ เหลืออยู่ไม่ถึง 40% หรือ ประมาณ 3 – 4 หมื่น ไร่เท่านั้น  





เหล่าอดีตสหายที่ไม่อาจนิ่งเฉยกับความไม่ถูกต้อง และไม่อาจทนเห็นผืนป่าที่เคยปกป้องชีวิตถูกบุกรุกทำลาย  จึงได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เปลี่ยนอุดมการณ์แห่งการสู้รบ เป็นอุดมการณ์ปกป้องรักษาผืนป่า ในนาม ‘ประชา…

“ผมจะบอกคนที่ท้อแท้เสมอว่าคุณลองหันไปมองคนอื่น
ถ้าคุณบอกว่าตัวเองแย่ ทุกคนบนโลกก็แย่ไปหมด
ถ้าคุณปฏิเสธความทุกข์แล้ววิ่งหนีความจริง คุณก็จะยิ่งเป็นทุกข์
คุณต้องยอมรับความจริงแล้วคุณอาจจะพบว่ามันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
คุณก็จะใช้ชีวิตต่อได้ทุกวันนี้ผมขอบคุณความพิการที่ทำให้ผมได้มีชีวิตใหม่ได้อยู่กับปัจจุบัน
มีความสุขกับการทำประโยชน์ให้กับคนอื่น  ถึงตอนนี้ตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว”  โค้ชกระสุน สุนทร ใจมาบุตร หรือเจ้าของฉายา “กระสุน”


ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วเขาคืออดีตนักกีฬาไตรกีฬา  ดาวรุ่งฝีมือหาตัวจับยาก  ด้วยสถิติความเร็วเป็นอันดับต้นๆทำให้เข้าประสบความสำเร็จและรุ่งโรจน์ในเส้นทางไตรกีฬาอย่างรวดเร็วคว้าแชมป์การแข่งขันทั้งไทยและต่างประเทศ   ชื่อเสียงเงินทองและการยอมรับจากผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเรียกว่าเป็นจุดสูงสุดของชีวิต แต่ต่อมาไม่นานโชคชะตาก็พาชีวิตเขาดิ่งลง เมื่อเกิดอุบัติเหตุพลาดท่าศีรษะกระแทกสระว่ายน้ำทำให้เขากลายเป็นอัมพาตเหตุการณ์ครั้งนั้นแทบจะทำให้ชีวิตของเขามืดดับลง  ร่างกายที่แข็งแรงกลายเป็นไร้ความรู้สึก  แต่ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง 






เขาเปลี่ยนปัญหาที่เกิดขึ้นให้เป็นปัญญาย้อนกลับมามองเห็น…

นายแพทย์สันติ ลาภเบญจกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำสนธิ จ.ลพบุรี ผู้มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะช่วยเหลือคนแก่ คนพิการที่เจ็บป่วย หรืออยู่ในสภาพที่นอนติดบ้าน ติดเตียง ที่ยังเข้าไม่ถึงสิทธิการรักษา ขาดคนดูแลและถูกทอดทิ้งให้ดำรงชีวิตอยู่ตามยถากรรม ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการคิดค้น  “ระบบการดูแลสุขภาพระดับอำเภอ” หรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่า ”ลำสนธิโมเดล” ซึ่งเป็นระบบที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ 



เขาสามารถทำให้ปัญหาความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของชีวิตคนๆหนึ่ง กลายเป็นปัญหาของทุกภาคส่วนในอำเภอลำสนธิ ไม่ว่าจะเป็นภาคสาธารณสุข  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ชุมชน  ชาวบ้าน ที่ต่างผนึกกำลังร่วมกันเข้ามาดูแลช่วยเหลือ จนสามารถเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของคนแก่ คนพิการได้ทั้งอำเภอลำสนธิ  จนเกิดเป็นวัฒนธรรมที่เรียกว่า “คนลำสนธิ...ไม่ทอดทิ้งกัน” ซึ่งเป็นโมเดลต้นแบบที่สุดยอดอันหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งในหนทางสู่การปฎิรูประบบสุขภาพของไทย  ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วนั้นไม่มีใครเชื่อว่าระบบแบบนี้จะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะในรพ.อำเภอเล็กๆในชนบทที่เต็มไปด้วยความขาดแคลน 





ณ วันนี้ “ลำสนธิโมเดล”…